OutSystems

Why Must Businesses Pay Off Their Technical Debt?

เหตุใดองค์กรธุรกิจจึงต้องจ่ายหนี้ทางเทคนิค

by Mark Weaser, Vice President, APAC, OutSystems

As the saying goes, time waits for no one. Some businesses, consumers and nations definitely felt that over the past 18 months, when they had to scramble to upgrade archaic infrastructure and protocols in order to cope with the new rigours the pandemic had brought about. Microsoft CEO Satya Nadella said it best – two years of digital transformation happened in two months. A mass migration played out before our eyes – businesses moving operations online practically overnight, and employees setting up to work remotely. Alas, this seismic shift exposed cracks in IT departments that were burdened by what can be considered the mother of all business banes – technical debt.

OutSystems, a global leader in modern application development, revealed in
a global study that nearly 7 in 10 companies identified technical debt as the biggest roadblock in their journey to innovate. Indeed, companies stand to bleed USD6,000 per second by leaving their technical debt issues unaddressed. That number skyrockets to US$5 trillion in the next 10 years. Aside from inhibiting innovation and stifling growth, if left unattended, technical debt could have catastrophic financial consequences, and even drag entire industries and economies down.

Technical debt is often overlooked – organisations only spend an average of 28 percent of their IT budget on addressing it. To put it into context, the amount of budget spent on operations (38 percent) and innovation (33 percent) is not too far off. Logically speaking, if IT debt were addressed sooner and more aggressively, couldn’t those costs be diverted into those other buckets which ultimately bring more value for organisations? IT staff too will be tied up with addressing technical debt by maintaining and patching old tech instead of focusing on innovation and growth – two arguably more crucial priorities in the current economic climate. Businesses often fail to realise the impact that technical debt can have and worse, do little or nothing about it. It can fester to become a vicious cycle like compound interest on credit card debt – fail to pay down your debt on time, it either adds up and you fall further behind, or you are constantly addressing it with no end in sight. This could prove fatal in this dynamic business climate because of the limited capabilities of their development tools and platforms – if businesses are unable to meet the growing demands of customers, they’re in serious trouble.

But what exactly causes technical debt? According to a global study by OutSystems, the most critical problem was revealed to be turnover within development teams. Far too often are organisations faced with situations where their new developers are put in charge of platforms they did not create and do not fully comprehend. This is further complicated by the use of too many development languages and frameworks, which in general make systems difficult to upgrade and maintain. If we stick with the credit card analogy, this is similar to having too many credit cards and not keeping track of how much you’ve spent on each one.

What can organisations do then? Organisations looking to address technical debt need to implement development processes that address immediate needs and yet sets them up for future success. Modern application development platforms are one such tool developers can add to their arsenal – especially those that run on visual, model-driven development methods and come with templates for accurate development. Developers no longer need to slog over lines and lines of hard code. These platforms ensure the security, resilience and scalability of cloud-native, enterprise-grade applications. Developers are then freed up to tackle other issues that require higher levels of cognition and critical thinking.

Organisations don’t know it yet, but they’re taking a huge risk by overlooking the magnitude of technical debt. In the study, over a third of respondents said they felt that technical debt would be something they will seek to address in the future. Just like the many small purchases we make online add up to form a mountain of debt, technical debt too builds up and compounds silently. You’re unable to invest in current operations and future innovations because of short-sighted decisions to build and address problems quickly, instead of ensuring that solutions are built correctly with the future in mind. Think of it this way – not addressing your level of financial debt now will hurt your credit score, which would jeopardise your chances when it comes to securing loans or lines of credit for critical expenditures like education, housing or business.

When it comes to addressing financial debt, there are many avenues to turn to for help. There are debt management and credit counselling consultancies that can help you get your finances in order and ensure that you are on a pathway to emerge debt free. Similarly, marrying modern application development platforms with organisational structures and team priorities can help organisations pay down their debt without compromising their existing operations or priorities.

โดย มาร์ค วีเซอร์ รองประธานประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของเอาท์ซิสเต็มส์

ตามที่สุภาษิตว่าไว้ เวลาไม่เคยคอยใคร นั่นคือสิ่งที่บ่งบอกความรู้สึกในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาขององค์กรธุรกิจ ผู้บริโภค และบางประเทศที่ต้องพยายามอย่างหนักกับการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานและโปรโตคอลที่ล้าสมัยเพื่อรับมือกับปัญหาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาด  สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ข้อดีของสถานการณ์การแพร่ระบาดก็คือ ทำให้การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล หรือ
ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงสองเดือน จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาถึงสองปี  ทั้งนี้ ภาคส่วนต่าง ๆ ได้ดำเนินการโยกย้ายระบบกันขนานใหญ่ โดยองค์กรธุรกิจต้องย้ายการดำเนินงานไปสู่ระบบออนไลน์ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
ขณะที่พนักงานต้องรีบติดตั้งระบบเพื่อทำงานจากที่บ้าน  อย่างไรก็ดี ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
เผยให้เห็นรอยร้าวในส่วนงานไอที หรือที่เรียกว่าหนี้ทางเทคนิค (Technical Debt) ซึ่งเป็นภาระหนักที่องค์กรธุรกิจจะต้องแบกรับ

เอาท์ซิสเต็มส์ (OutSystems) ผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาโมเดิร์นแอปพลิเคชัน เปิดเผยในผลการศึกษาระดับโลกว่า บริษัทเกือบ 7 ใน 10 แห่งระบุว่าหนี้ทางเทคนิคเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดที่ขัดขวาง
การสร้างสรรค์นวัตกรรม  ที่จริงแล้ว หากปล่อยปละละเลยไม่แก้ไขปัญหาหนี้ทางเทคนิค บริษัทต่าง ๆ ต้องสูญเสียเงินราว 6,000 ดอลลาร์ต่อวินาที และตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นจนแตะระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า  นอกจากจะขัดขวางการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเติบโตของธุรกิจแล้ว หากไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม หนี้ทางเทคนิคก็อาจเพิ่มพูนจนส่งผลกระทบทางการเงินที่รุนแรง และอาจถึงขั้นฉุดรั้งให้อุตสาหกรรมและระบบเศรษฐกิจทั้งระบบต้องพังครืนลงมา

โดยมากแล้วหนี้ทางเทคนิคมักจะถูกมองข้าม กล่าวคือ องค์กรต่าง ๆ ใช้จ่ายงบประมาณด้านไอที
โดยเฉลี่ยเพียง 28 เปอร์เซ็นต์เพื่อแก้ไขปัญหานี้  อย่างไรก็ดี งบประมาณที่ใช้สำหรับการดำเนินงาน
(38 เปอร์เซ็นต์) และการสร้างสรรค์นวัตกรรม (33 เปอร์เซ็นต์) ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก  กล่าวตามหลักเหตุผลก็คือ หากองค์กรแก้ไขปัญหาหนี้ทางเทคนิคอย่างจริงจังเสียแต่เนิ่น ๆ ก็จะมีงบประมาณเหลือพอสำหรับนำไปใช้ในส่วนอื่น ๆ ที่จะช่วยสร้างมูลค่าและก่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรเพิ่มมากขึ้น  ขณะเดียวกันพนักงานฝ่ายไอทีต้องเสียเวลาไปกับการแก้ไขปัญหาหนี้ทางเทคนิค เช่น การดูแลรักษาและแก้ไขปรับปรุงระบบรุ่นเก่า แทนที่จะทุ่มเทเวลาให้กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการขยายธุรกิจให้เติบโต ซึ่งนับเป็นสองภารกิจที่สำคัญมากกว่าท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน  องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบของหนี้ทางเทคนิค หรือบางองค์กรอาจดำเนินการแก้ไขบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ หรืออาจละเลยไม่คิดจะแก้ไขอะไร ซึ่งหากทิ้งไว้ ปัญหานี้อาจลุกลามกลายเป็นวงจรอุบาทว์ เปรียบเสมือนดอกเบี้ยจากหนี้บัตรเครดิต ซึ่งหากคุณไม่จ่ายหนี้ตามกำหนดเวลา ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
จนคุณจ่ายไม่ไหว หรืออาจจะต้องทยอยจ่ายไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าจะใช้หนี้หมดเมื่อไร  ปัญหานี้ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นท่ามกลางสภาพธุรกิจในปัจจุบันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากความสามารถที่จำกัดของเครื่องมือและแพลตฟอร์มการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งถ้าหากองค์กรธุรกิจ
ไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า ก็ย่อมจะประสบปัญหาร้ายแรงตามมาอย่างแน่นอน

แต่ที่จริงแล้ว หนี้ทางเทคนิคคืออะไรกันแน่  ผลการศึกษาระดับโลกของเอาท์ซิสเต็มส์ระบุว่า ปัญหา
ร้ายแรงที่สุดที่องค์กรต่าง ๆ ต้องเผชิญก็คือ การลาออกของพนักงานฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยองค์กรมักจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ว่านักพัฒนาที่เพิ่งจ้างเข้ามาใหม่ถูกมอบหมายให้จัดการดูแลแพลตฟอร์มที่เขาไม่ได้เป็นคนสร้าง และเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจแพลตฟอร์มนั้นสักเท่าไร และยิ่งไปกว่านั้นยังมีการใช้ภาษาและเฟรมเวิร์กสำหรับการพัฒนาที่แตกต่างหลากหลายมากเกินไป ซึ่งสร้างความลำบาก
ในการอัพเกรดและดูแลรักษาระบบ  ถ้าหากเราเปรียบเทียบกับกรณีของบัตรเครดิต ก็เหมือนกับ
การถือบัตรเครดิตหลายใบจนคุณไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคุณใช้จ่ายผ่านบัตรแต่ละใบเป็นจำนวนเท่าไร

แล้วองค์กรจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ทางเทคนิคในกรณีนี้  คำตอบคือ องค์กรจะต้องปรับใช้กระบวนการพัฒนาที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ทันที ทั้งยังพร้อมรองรับสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงในอนาคต  แพลตฟอร์มการพัฒนาโมเดิร์นแอปพลิเคชันเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับนักพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มที่รองรับการพัฒนาแบบ Visual ที่ใช้โมเดล และประกอบด้วยเทมเพลตสำหรับการพัฒนาที่ถูกต้องเหมาะสม
นักพัฒนาไม่ต้องวุ่นวายกับการเขียนโค้ดทีละบรรทัดอีกต่อไป  แพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับขนาดสำหรับแอปพลิเคชันแบบคลาวด์เนทีฟระดับองค์กร  ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้เวลาที่เหลือไปกับการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ในระดับที่สูงขึ้น

หลาย ๆ องค์กรไม่รู้ว่าการมองข้ามปัญหาหนี้ทางเทคนิคจะก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมาก จากผลการศึกษาพบว่า กว่าหนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า หนี้ทางเทคนิคเป็นปัญหาที่ไม่จำเป็นต้องรีบแก้ไขในตอนนี้  แต่ในความเป็นจริงแล้ว หนี้ทางเทคนิคจะค่อย ๆ พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับ
การซื้อของออนไลน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าจนสะสมเป็นหนี้ก้อนใหญ่  คุณจะไม่สามารถลงทุนเพื่อพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานในปัจจุบันหรือรองรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมในอนาคต เพราะคุณได้ตัดสินใจอย่างฉาบฉวยในการสร้างแอปแบบขอไปทีเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แทนที่จะสร้างโซลูชั่นอย่างถูกต้องเหมาะสมโดยคำนึงถึงการใช้งานในอนาคต  เปรียบเสมือนกรณีที่คุณไม่ได้จ่ายหนี้ทาง
การเงินในวันนี้ ซึ่งจะทำให้คะแนนเครดิตของคุณลดลง และทำให้คุณสูญเสียโอกาสที่จะขอสินเชื่อหรือ
กู้ยืมเงินสำหรับรายจ่ายที่จำเป็น เช่น สำหรับจ่ายค่าเทอม ซื้อบ้าน หรือทำธุรกิจ

ในการจัดการกับหนี้ทางการเงิน มีหลายช่องทางสำหรับการขอความช่วยเหลือ เช่น ที่ปรึกษาด้าน
การจัดการหนี้และสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยจัดระเบียบทางการเงินและกำหนดแนวทางการชำระหนี้ให้กับคุณ
ในทำนองเดียวกัน การเลือกใช้แพลตฟอร์มการพัฒนาโมเดิร์นแอปพลิเคชัน โดยผสานรวมเข้ากับโครงสร้างองค์กรและภารกิจของทีมงานอย่างเหมาะสมจะช่วยให้องค์กรสามารถจ่ายหนี้ทางเทคนิค
โดยไม่บั่นทอนประสิทธิภาพการดำเนินงานที่มีอยู่หรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินภารกิจสำคัญอื่น ๆ