- bp and Neste commit to supply DHL Express with more than 800 million liters of Sustainable Aviation Fuel until 2026
- CO2 savings on a lifecycle basis estimated to be equivalent to annual greenhouse gas emissions of approx. 400,000 passenger cars
- Landmark deals mark major step towards Deutsche Post DHL Group’s goal of using 30 percent of Sustainable Aviation Fuel for all air transport by 2030
- Frank Appel, CEO Deutsche Post DHL Group: “Using SAF is currently one of the key routes to reducing CO2 lifecycle emissions in aviation.”
Bangkok, March 29, 2022: DHL Express has announced a significant step towards decarbonizing aviation logistics and being more sustainable. DHL has confirmed new strategic collaborations with bp and Neste, to provide more than 800 million liters of Sustainable Aviation Fuel (SAF) to DHL Express within the next five years, with the new agreements forming one of the largest SAF deals in aviation to date. These deals, together with the previously announced SAF introduction in the DHL network in San Francisco (SFO), East Midlands (EMA) and Amsterdam (AMS), will exceed 50 percent of DHL Express’ target to reach 10 percent SAF blending for all air transport by 2026. DHL expects the strategic collaborations to save approx. two million tons of carbon dioxide emissions over the aviation fuel lifecycle – equivalent to the annual greenhouse gas emissions of approx. 400,000 passenger cars[1].
DHL Express transports more than 480 million urgent documents and packages annually across its global network of 220 countries and territories. Simply said, with the 800 million liters, the approx. 1,000 annual DHL flights on the route between Cincinnati, USA and Leipzig, Germany, could be operated by Boeing 777s for approx. 12 years[2], assuming a 100 percent SAF usage[3]. In total, this corresponds to 12,000 carbon neutral long-haul flights.
“As the world’s leading logistics provider, it is our commitment to provide green and more sustainable solutions for our customers. The landmark SAF deals with bp and Neste mark a significant step within the aviation industry and validate the framework of our Sustainable Roadmap”, says Frank Appel, CEO Deutsche Post DHL Group. “Using SAF is currently one of the aviation industry’s key routes to reducing CO2 emissions over the aviation fuel lifecycle with currently available aircraft types.”Martin Thomsen, SVP, Air bp, says: “We are proud to complete this important deal which further deepens our strategic relationship with Deutsche Post DHL Group. As bp transitions to an integrated energy company, we are leveraging our value chain encompassing feedstocks, global production, logistics and airport infrastructure. Not many companies also have the trading and commercial expertise in SAF, needed to design and deliver solutions for complex customer needs. Our ambition is to work even more closely with airports and airlines on decarbonization options, and we are promoting SAF at pace to support global aviation to realize its lower carbon ambitions.”
In its Sustainability Roadmap, Deutsche Post DHL Group has committed to using 30 percent of SAF blending for all air transport by 2030. Both suppliers will provide SAF produced from waste oils. Such SAF from wastes and residues can provide greenhouse gas emission reductions of up to 80 percent over its lifecycle compared with the conventional jet fuel it replaces, thereby reducing DHL’s carbon footprint. In order to ensure that the fuel is sustainable, the use of feedstock which competes with food production or causes indirect land-use change is being avoided.
“With every SAF deal, we are increasingly aware of the huge task that lies ahead in utilizing more sustainable solutions to help our customers. Not a day goes by without our customers asking us about low-carbon logistics solutions and to partner them in our joint aspiration to be part of creating a more sustainable future”, says John Pearson, CEO DHL Express. “The new SAF deals with bp and Neste are milestones on this journey. Our key focus is to inspire more SAF suppliers to address the current supply gap. At the same time, we are calling on policy makers to set the right framework to accelerate market ramp up of SAF in the EU and worldwide, including an accounting mechanism that allows flexible SAF purchases and usage.”“This milestone agreement, our largest ever for SAF, underlines the growing need and urgency – as well as the commitment – to act on aviation-related emissions. We are pleased to take this significant step together with DHL, which shows the joint ambitions of both companies and is further progress in our journey towards creating a healthier planet for our children,” says Peter Vanacker, President and CEO of Neste. “Today’s announcement also reflects how we are concretely helping customers reduce greenhouse gas emissions by at least 20 million tons of CO2 annually by 2030. SAF is a cornerstone of the aviation industry’s efforts to achieve net-zero emissions by 2050. It requires a joint effort across the aviation value chain with all stakeholders, using all available raw materials and solutions, to reach that goal.”
DHL Express aims to expand its partnerships with Sustainable Aviation Fuel suppliers in the future and continuously increase the SAF percentage in its air transport. DHL remains committed to support innovative technologies to significantly reduce aviation’s greenhouse gas emissions as stated in Deutsche Post DHL Group’s Sustainability Roadmap.
- bp และ Neste ได้ทำข้อตกลงในการจัดหาเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) มากกว่า 800 ล้านลิตร ให้กับดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส จนถึงปี 2569
- SAF ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนตลอดวัฏจักรของเชื้อเพลิง เทียบเท่ากับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์ประมาณ 400,000 คันต่อปี
- ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสู่เป้าหมายของกลุ่มบริษัท ดอยช์โพสต์ ดีเอชแอล ที่จะใช้เชื้อเพลิงทางการบินที่ยั่งยืน 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับการขนส่งทางอากาศภายในปี 2573
- แฟรงค์ แอพเพล ซีอีโอของกลุ่มบริษัท ดอยช์โพสท์ ดีแอชแอล กรุ๊ป กล่าวว่า “ปัจจุบันการใช้ SAF เป็นหนึ่งในแนวทางหลักเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของการขนส่งทางอากาศ”
กรุงเทพฯ – 29 มีนาคม 2565: ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประกาศก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการขนส่งทางอากาศให้เป็นไปอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยดีเอชแอลได้ยืนยันถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสองบริษัทคือ bp และ Neste ในการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สร้างจากวัสดุทางชีวภาพเพื่อการบินที่ยั่งยืน (SAF) มากกว่า 800 ล้านลิตรให้กับ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสภายในห้าปีข้างหน้า ภายใต้ข้อตกลงฉบับใหม่ที่เป็นหนึ่งในข้อตกลง SAF ที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ข้อตกลงดังกล่าวมาพร้อมกับการเปิดตัว SAF บนเครือข่ายของดีเอชแอลก่อนหน้านี้ในซานฟรานซิสโก (SFO) อีสต์มิดแลนส์ของอังกฤษ (EMA) และอัมสเตอร์ดัม (AMS) ซึ่งจะทำให้บรรลุเป้าหมายมากกว่าครึ่งหนึ่งของเป้าหมายที่ตั้งไว้ในการใช้ SAF 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับการขนส่งทางอากาศภายในปี 2569 ดีเอชแอลคาดว่าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณสองล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์โดยสารประมาณ 400,000 คันต่อปี1
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ดำเนินการขนส่งเอกสารและพัสดุด่วนระหว่างประเทศมากกว่า 480 ล้านชิ้นต่อปี ครอบคลุม 220 ประเทศทั่วโลกผ่านเครือข่ายการบินของบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก กล่าวได้ว่าด้วยน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืนกว่า 800 ล้านลิตร จะสามารถใช้งานกับเที่ยวบินของดีเอชแอล 1,000 เที่ยวต่อปีโดยประมาณ ในเส้นทางบินจากเมืองซินซินนาติ สหรัฐอเมริกา ไปยังเมืองไลพ์ซิก เยอรมนี ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 บินได้ระยะเวลาประมาณ 12 ปี2 นับเป็นการใช้เชื้อเพลิง SAF 100 เปอร์เซ็นต์ 3 ซึ่งเทียบเท่ากับเที่ยวบินระยะไกล 12,000 เที่ยวบินที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ (carbon neutral long-haul flights)
แฟรงค์ แอพเพล ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มบริษัท ดอยช์โพสท์ ดีแอชแอล กล่าวว่า “ในฐานะที่ดีเอชแอลเป็นผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์ชั้นนำของโลก เรามุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันที่สร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าของเรา ความร่วมมือด้านเชื้อเพลิงที่ใช้ในการบินที่ยั่งยืน (SAF) ที่ทางบริษัทได้ร่วมมือกับ bp และ Neste นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการบิน และสอดคล้องกับแผนความยั่งยืนของเรา ปัจจุบันการใช้ SAF เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของอุตสาหกรรมการบินเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงในแต่ละชนิดของเครื่องบินที่มีอยู่ในปัจจุบัน”มาร์ติน ทอมป์สัน, รองประธานอาวุโส Air bp กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ความร่วมมือสำคัญนี้สำเร็จด้วยดี ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับกลุ่มบริษัท ดอยช์โพสต์ ดีเอชแอล ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เมื่อ bp ได้เปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทพลังงานแบบครบวงจร เราใช้ประโยชน์จาก value chain ของเราซึ่งครอบคลุมตั้งแต่วัตถุดิบ กระบวนการผลิตทั่วโลก การขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานในสนามบิน มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านการค้าและการทำธุรกิจด้าน SAF ซึ่งต้องอาศัยการออกแบบ และนำเสนอโซลูชันตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ซับซ้อน เราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับสนามบินและสายการบินต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นทางเลือกของธุรกิจที่มีเป้าหมายในการใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (decarbonization) รวมถึงส่งเสริมกระบวนการ SAF เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกให้ตระหนักถึงความสำคัญในการลดปริมาณคาร์บอน”
แผนงานความยั่งยืนของกลุ่มบริษัท ดอยช์โพสต์ ดีเอชแอล มุ่งมั่นที่ใช้เชื้อเพลิงเพื่อการบินที่ยั่งยืนเป็นจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ของการขนส่งทางอากาศทั้งหมดภายในปี 2573 โดยบริษัทคู่ค้าทั้งสองรายจะเป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิง SAF ที่ผลิตจากน้ำมันที่ใช้แล้วซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ตลอดวัฏจักรการใช้งานเมื่อเปรียบเทียบกับนํ้ามันเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องบินไอพ่น ซึ่งเป็นการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของดีเอชแอล และเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน จึงต้องหลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบที่ได้มาจากกระบวนการผลิตอาหาร หรือการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทางอ้อม (indirect land-use change)
จอห์น เพียร์สัน ประธานกรรมการบริหารของ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส กล่าวว่า “ในทุกความร่วมมือของ SAF เราได้ตระหนักถึงงานใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าในการใช้โซลูชันที่ยั่งยืนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าของเรามากขึ้น ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่มีคำถามจากลูกค้าเกี่ยวกับโซลูชันการขนส่งที่ลดคาร์บอน และดีเอชแอลก็พร้อมให้ความร่วมมือสำหรับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ความร่วมมือ SAF กับ bp และ Neste นี้เป็นก้าวสำคัญของการสร้างความยั่งยืน โดยเรามุ่งหวังที่จะสร้างแรงผลักดันให้กับซัพพลายเออร์ที่ทำธุรกิจด้าน SAF เพื่อช่วยกันเติมเต็มความต้องการในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน เราก็เรียกร้องไปยังผู้กำหนดนโยบายให้กำหนดกรอบการทำงานที่เหมาะสมเพื่อเร่งการเติบโตของตลาด SAF ในสหภาพยุโรปและทั่วโลก รวมถึงกลไกด้านบัญชีที่อนุญาตให้ทำการซื้อขายและใช้งาน SAF ได้อย่างยืดหยุ่น”ปีเตอร์ วาแนคเกอร์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ Neste กล่าวว่า “ข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในธุรกิจ SAF ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการและความเร่งด่วน รวมถึงพันธกิจของบริษัทในการแสดงจุดยืนต่อการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวกับกิจกรรมการบิน เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ก้าวไปพร้อมกับดีเอชแอล ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันของทั้งสองบริษัท และนี่จะเป็นการขับเคลื่อนไปสู่เส้นทางแห่งการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับลูกหลานของเรา การประกาศในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิธีที่เราจะช่วยลูกค้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างน้อยที่สุด 20 ล้านตันต่อปีภายในปี 2573 ทั้งนี้ SAF นับเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการบินในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุดภายในปี 2593 ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันจากทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมการบิน โดยใช้วัตถุดิบและโซลูชันที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมาย”
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสตั้งเป้าหมายขยายความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ SAF ในอนาคต และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของการใช้ SAF ในการขนส่งทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ดีเอชแอลยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนเทคโนโลยีนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมทางการบินอย่างต่อเนื่องตามที่ระบุไว้ในแผนงานด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัท ดอยช์โพสต์ ดีเอชแอล